โครงสร้างโฆษณา Google

โครงสร้างแคมเปญโฆษณา Google Ads
โครงสร้างโฆษณา Google มีอยู่ 3 ระดับ คือ Account Level, Campaign Level และ Ad Group Level ทั้ง 3 ระดับจะมีความสัมพันธ์กัน เพราะแต่ละดับ เราจำเป็นต้องใส่ค่าต่างๆ ที่จำเป็น เช่น กลุ่มเป้าหมาย, งบประมาณ พื้นที่โฆษณา ส่วนขยายโฆษณา (ad extension) วันเวลา และหลังจากตั้งค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ก็ต้อมา optimize แคมเปญต่ออีกเพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้ง 3 ระดับมีหน้าที่ที่ต่างกัน คือ
  1. ระดับบัญชีโฆษณา (Account Level) ประกอบด้วย email แคมเปญ และ Ad groups
  2. ระดับแคมเปญ กำหนดงบโฆษณา เลือกพื้นที่โฆษณา ภาษา กลุ่มเป้าหมาย งบประมาณโฆษณา ตั้งต่า Ad Extension
  3. ระดับ Ad group จัดการ keyword ข้อความโฆษณา negative keyword
ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าในร้านเรามีสินค้าอยู่หลายตัว เราสามารถเอามาสร้างโฆษณาและให้อยู่ใน campaign เดียวกันได้เลย สามารถแบ่งสัดส่วนโฆษณาออกเป็นส่วนๆ ได้ กำหนดงบประมาณต่อวันได้ สินค้าแต่ละตัวก็สามารถกำหนดงบประมาณ โฆษณาต่อวันได้เช่นกัน เช่น เรามีงบประมาณทั้งหมด 600 บาท และอยากทำโฆษณา และสามารถแบ่งงบโฆษณาให้กับสินค้า แต่ละตัวได้ ดังนี้ ใน 1 แคมเปญ สามารถแยกออกเป็นได้หลาย Ad group สินค้าแต่ละ Ad group ต้องเป็นสินค้าคนละชนิด เพราะต้องแยก keyword เพื่อไม่ให้ซ้ำกัน และจะง่ายต่อการตั้งค่าโฆษณา ยกตัวอย่างเช่น สินค้า A เป็น รองเท้าวิ่ง งบโฆษณาต่อวัน 100 บาท/ แสดงผลในภาคกลาง สินค้า B เป็น ลู่วิ่ง งบโฆษณาต่อวัน 200 บาท/ แสดงผลในภาคเหนือ สินค้า C เป็น ชุดวิ่ง งบโฆษณาต่อวัน300 บาท/ แสดงผลในภาคใต้   โครงสร้างแคมเปญ Google Search Ads4 ภาพโครงสร้างแคมเปญ Google Ads   ภาพตัวอย่าง ระดับ Campaign Level เราสามารถเลือกได้เลยว่าจะสร้างแคมเปญโฆษณาแบบไหน ถ้าเป็นธุรกิจบริการ ผมแนะนำ Google Search จะเหมาะมากๆ เพราะเวลาคนค้นหาสินค้าหรือบริการ ความต้องการซื้อมันมีอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่เขาต้องค้นหาว่าสินค้าหรือบริการไหนให้โปรโมชั่นดี ราคาดี บริการดี ง่ายๆ คือ หาข้อเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นๆ นั่นเอง คำหลัก หรือ Keyword เป็นตัวที่กำหนดเป้าหมายใน campaign เพื่อที่จะบอกว่า Google ว่า เราต้องการแสดงโฆษณาให้กับคนกลุ่มไหน ที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือก keyword ไหนทำโฆษณา เราจำเป็นต้องทำ keyword research ก่อน ซึ่งก็มีเครื่องหลายตัวในการหา keyword ที่สามารถใช้แข่งขันในการทำโฆษณาได้ เช่น Google keyword planner, semrush, ubersuggest, rank tracker, kwfiner, moz key word explorer และอื่นๆ การเลือกคำหลัก ลองให้สมมุติตัวเองว่าเป็นลูกค้าอยากจะหาซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างหนึ่ง เราจะใช้คำค้นหาอะไรในการหาสินค้านั้นๆ แบ่งออกได้ 3 แบบหลัก 1. แบบกว้าง หรือ board match เช่น รองเท้า 2. แบบวลี Phrase match เช่น “รองเท้ากีฬา”, “รองเท้าวิ่ง” 3. แบบเฉพาะเจาะจง Exact match เช่น [รองเท้าวิ่งกีฬาไนกี้], [รองเท้าวิ่งมือสอง] ที่ต้องแบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ เพราะ Google เองต้องการให้ครอบคลุมกับสิ่งที่ user ต้องการหาให้มากที่สุด การวัดประสิทธิภาพแคมเปญ มี 3 สิ่งหลักๆ ที่ต้องพิจารณาเบื้องต้น 1. จำนวนการแสดงผล หรือ Impression 2. จำนวนคลิก หรือ Click 3. อัตราการการคลิกผ่าน หรือ Click through rate (CTR) (จำนวนคลิก/การแสดงผล) และถ้าต้องการให้ 3 สิ่งนี้มีผลลัพท์ที่ดีขึ้นอีก เราต้องทำโหษณาที่น่าดึงดู มีโปรโมชั่น อ่านแล้วน่าคลิก

จดโดเมน เช่าโฮสติ้ง (มีส่วนลด)

โครงสร้างโฆษณา Google
ขอบคุณที่แชร์ครับ
Scroll to top