เลือกอ่านหัวข้อที่ต้องการได้เลย
กลยุทธ์ประมูลราคา โฆษณา Google Search Ads มีการทำงานของระบบ เอาแบบเข้าใจง่ายๆ เลยคือ เลือกแบบนี้ เพื่อให้ระบบไปหาผลลัพธ์มา ซึ่งแต่ละแบบจะไม่เหมือนกัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ
1. กลยุทธ์ประมูลราคา Manual CPC bidding
ระบบจะทำตามที่เราสั่ง อยากได้คลิกที่ราคาเท่าไหร่ ถ้าไม่รู้ว่าจะ bid เท่าไหร่ ใช้ keyword planner ดูเพื่อเป็น guideline หรือ อาจจะลงทดลอง bid ดูเลย ถ้ายอดคลิกน้อย ก็เพิ่มราคา bid ให้สูงขึ้น การจ่ายค่าโฆษณา จะดีตรงที่เราไม่ต้องจ่ายเต็ม ระบบให้จ่ายแบบ second price option เช่น ประมูลชนะ 10 บาท แต่ชนะคนที่สองที่ 7 บาท เราจะจ่ายจริงแค่ 7+0.01 =7.01 บาท นอกจากนี้ยังสามารถไป bid แข่งในระดับ keyword ได้ เลือกที่จะ bid แต่ละ keyword ได้เลย ไม่จำเป็นต้องปรับทั้งแคมเปญ ตัวไหนดี เพิ่ม bid ตัวไหนไม่ดีลด bid เพื่อให้ตัวที่ดีสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภาพตัวอย่างของการตั้งค่าประมูลแบบ Manual CPC2. กลยุทธ์ประมูลราคาแบบ Semi Auto bidding
เข้าใจอย่างง่ายๆ เลย คือ อย่างละครึ่ง เราทำครึ่งหนึ่ง ระบบทำครึ่งหนึ่ง Enhanced CPC หรือ eCPC ต้องมี conversion tracking เพื่อวัดผลว่ามีคนซื้อสินค้าจากการคลิกโฆษณาเท่าไหร่ กี่คน ถ้ามีแนวโน้มจะเกิด conversion ระบบจะเพิ่ม bid ให้อีก 30% เพื่อแสดงโฆษณาในตำแหน่งทีดีขึ้น มีโอกาสเกิดการคลิกมากขึ้น แต่มันมีแนวโน้มจะไม่เกิดการคลิก ระบบจะปรับลด bid ลง 30% ให้เราโดยอัตโนมัติ ภาพตัวอย่างของการตั้งค่าประมูลแบบ Semi Auto Bidding คือ ระบบทำครึ่งหนึ่ง เราทำครึ่งหนึ่ง3. กลยุทธ์ประมูลราคา Automated bidding หรือ จะเรียกว่า Smarkt Bidding ก็ได้
คือ ใช้ระบบทำทำงานให้เรา เราตั้งข้อจำกัดได้ เช่น ถ้าเราเลือก Maximize clicks (ต้องการให้คลิกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้งบประมาณที่เรามี) เราก็สามารถกำหนด Max CPC ได้ ตั้งข้อจำกัดให้ระบบว่า ต่อ 1 คลิก เราจะยินดีจ่ายเงินไม่เกินกี่บาท ตัวอย่างของ Automated bidding หรือ Smart bidding มี 6 แบบ คือ Target CPA, Target ROAS, Maximise clicks, Maximise conversions, Maximise conversion value และ Target impression share ภาพตัวอย่างประเภทของ Automated bidding หรือ Smart bidding สามารถเลือกได้ตาม Goal ที่เราต้องการ กลยุทธ์ประมูลราคา (Bidding Strategies) อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่ามีความแตกต่างกันและขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละแคมเปญ ผมจะยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น- ถ้าต้องการให้ลูกค้าทำ action อย่างใดอย่างหนึ่งบนเว็บไซต์ และคุณกำลังใช้ conversion tracking สิ่งที่ต้องใช้ คือ เน้นไปที่ conversion เลือกใช้แบบ smart bidding ได้
- ถ้าต้องการได้ traffic มาที่เว็บไซต์เพิ่ม คุณต้องเน้นไปที่ clicks เลือกแบบ CPC หรือ Cost per click จะทำให้ได้ web traffic
- ถ้าต้องการการรับรู้เรื่องแบรนด์ ต้องการให้คนรู้จักสินค้าเรามากขึ้น ต้องเลือกแบบเน้น impression สามารถใช้แบบ vCPM หรือ เหมาจ่ายโฆษณา 1000ครั้ง เพื่อให้ลูกค้าเห็นโฆษณาเราได้มากที่สุด
- ถ้าต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการผ่านวีดีโอ ก็ต้องเน้นไปที่เพิ่มยอดวิว หรือ ทำ action ระหว่างโฆษณา เลือกใช้แบบ CPV (cost per view) หรือ CPM (cost per thousand impression)
- ถ้าต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการผ่านวีดีโอ และต้องการให้ลูกค้าเลือกที่จะตัดสินใจซื้อ ก็เลือกแบบ CPV หรือ cost per view
จดโดเมน เช่าโฮสติ้ง (มีส่วนลด)
กลยุทธ์ประมูลราคา โฆษณา Google